หน้าวัดของท่านสมัยก่อนมีต้นยางอยู่หน้าวัด 3 ต้น ต้นยาง 3 ต้นนี้ นกเขาป่าจะพากันมาเกาะตอนเช้าๆ เป็นจำนวนมากและท่านพ่อท่านก็ชอบนกเขาอยู่แล้ว ท่านชอบมาแต่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าแหวน ท่านพ่อตอนเช้าๆ ท่านจะลงมายืนหน้าต้นยาง และดีดนิ้วเรียกนกเขาป่าที่เกาะต้นยาง นกเขาป่าเหล่านั้นก็จะบินโผลงมาเกาะที่ตัวท่านและจะเกาะอยู่นาน และพอท่านพูดว่า " ไปเสีย" นกเขาเหล่านั้นก็จะบินไปทันที แสดงถึงอำนาจทางพุทธคุณของท่านว่าเมตตายอดเยี่ยมยิ่งนัก และนกเขาของท่านที่เลี้ยงไว้หลายตัวในวัด และมีตัวหนึ่งชื่อว่า " ไอ้กะเชอวาง " และเหตุที่ได้ชื่อนี้เพราะว่าสมัยนั้นมีแม่ค้าคนหนึ่งกระเดียดกะเชอ (กะเชอคงมีลักษณะเป็นกะโล่ไม้ไผ่) ใส่ผักจะไปขายที่ตลาด และทางจะไปตลาดนั้นต้องผ่านหน้าวัดทุกวัน นกเขาตัวนี้เมื่อเห็นแม่ค้าเดินผ่านมา (เพราะท่านเลี้ยงไว้หน้าวัด) ก็จะดูและขันขึ้น แม่ค้าคนนี้เมื่อได้ยินเสียงนกเขาตัวนี้ขันก็จะวางกระเชอที่กระเดียดใส่เอววางลง และยืนฟังนกเขาตัวนี้ขันจนกว่าจะหยุดขัน แกจึงจะกระเดียดกระเชอไปขายผักต่อไป เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวันซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะผู้หญิงจะมายืนฟังนกเขาขันอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ และเป็นแม่ค้าก็ต้องรีบไปขายผักอยู่แล้ว คิดว่าท่านพ่อสุ่น ท่านคงจะลงอาคมทางเมตตาของท่านเอาไว้ที่นกเขาตัวนี้เป็นแน่ เพราะนกเขาตัวนี้ท่านรักของท่าน เสกข้าว เสกน้ำให้กินทุกวัน พวกลูกศิษย์จึงพากันเรียกนกเขาตัวนี้ว่า "ไอ้กระเชอวาง" ตั้งแต่นั้นมา
อ่านต่อ วาจาประกาศิต >>