ประเพณีการทำบุญกลางทุ่ง เป็นวัฒนธรรมหนึ่งที่ดีงามของของท้องถิ่นที่ได้ทำสืบทอดกันต่อมานับเนื่องเป็นเวลาร้อยไปมีชื่อเรียกหลายอย่าง
เช่น ทำบุญกลางทุ่ง-ทำบุญกลางหมู่บ้าน-ทำบุญส่งเนิน แต่มีเป้าหมาย
อันเดียวกันคือทำบุญเพี่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
สถานที่ใช้ทำบุญก็แล้วแต่โอกาส จะเป็นกลางทุ่งนากหรือกลางหมู่บ้านหรือบนเนินก็ได้
แต่จะไม่ใช้ทำในบ้านหรือในอาคารถาวร บางแห่งมีการสืบทอดโดยมิได้ขาด
การทำบุญแม้แต่ปีเดียว บางแห่งก็มีการขาดหายไปบ้างแบะก็ได้รับกาฟื้นฟูขึ้นมาใหม่
โดยการรวมตัวของผู้ที่เห็นความสำคัญ ของประเพณีอันดีงามอย่างนี้
ตำบลปากน้ำฯ ถือว่าเป็นตำบลหนึ่งที่มีการทำบุญกลางหมู่บ้านอยู่หลายหมู่บ้าน
(ตำบลปากน้ำฯมีด้วยกัน ๑๖ หมู่บ้าน) มิได้มีการทำบุญครบทั้ง ๑๖ หมู่บ้าน
หมู่บ้านที่การทำบุญกันอยู่เป็นประจำทุกปี คือ ปลายเนิน, แถวกลางไกล,
คลองกลอย, ตลาด, ป่าแสม, แถวกลาง, ชายหาด เรียงตามลำดับ บางแห่งก็ทำบุญกันกลางทุ่ง(ทุ่งนา)
บางแห่ง ก็ทำบุญกันบนเนิน(เนินดิน) บางแห่ง ก็ทำบุญกันกลางหมู่บ้าน
บางแห่งก็ทำบุญกันริมชายหาด แล้วแต่สถานที่จะอำนวย โดยวันเวลาและสถานที่จะถูกกำหนดตายตัวเป็นประจำปีไม่มีการเปลี่ยนแปลง
(อาจเปลี่ยนแปลงบ้างในส่วนของสถานที่แต่ก็จะใกล้เคียงกัน) การนิมนต์พระก็จะนิมนต์ประจำปีเลย
พอถึงวันเวลาก็จะมาร่วมงานโดยที่ไม่ต้องนิมนต์พระอีก (นิมนต์หมดวัด)
บางแห่งก็นิมนต์ไว้ ๑ วัด บางแห่งก็นิมนต์ ๒ วัด แล้วแต่สถานที่ที่จะอยู่ในเขตไหน
โดยก่อนถึงวันงาน หัวเรียวหัวแรงก็จะมาช่วยกันยกปะรำ จัดสถานที่
ขนจานชามให้พร้อม ตอนเย็นก่อนวันทำบุญ พระสงฆ์ที่นิมนต์ไว้ก็จะเดินทาง
มาทำพิธีสวดพระพุทธมนต์เย็น ก็จะมีประชาชนใกล้เคียง มาฟังพระสวดมนต์จนจบก็เสร็จพิธี
แยกย้ายกันกลับบ้าน
ตอนเช้าประมาณ ๖ โมงเช้า ประชาชนก็จะทยอยมาร่วมทำบุญโดยหิ้วปิ่นโตมีข้าว
กับข้าว ขนมและดอกไม้ธูปเทียนมาร่วมทำบุญ มีการจดรายชื่อที่ล่วงลับไปแล้วใส่กระดาษ
รวมกันในที่จัดไว้เพื่อรอเวลาพระสงฆ์พิจารณาบังสุกุล หลังจากที่จัดกับข้าวเสร็จแล้ว
พระสงฆ์จะสวดมนต์เช้า มีการกล่าวถวายภัตตาหารเพื่ออุทิศส่วนกุศล
พระสงฆ์บังสุกุลกระดาษ รายชื่อผู้ล่วงลับ นำกระดาษไปเผาไฟ พระสงฆ์ให้พร
กล่าวคำแผ่เมตตา ก็เสร็จพิธี ต่อไปพระสงฆ์ฉันภัตตาหาร คนที่มาทำบุญก็จะร่วมรับประทานอาหาร
และแยกย้ายกันกลับบ้าน เตรียมอาหารมาถวายพระตอนเพลอีกมื้อหนึ่ง ก็จะเสร็จพิธีการทำบุญกลางทุ่ง
บางแห่งที่พื้นที่ใกล้ทะเลก็จะทำเป็นรูปเรือ เอากับข้าวกับปลาที่เหลือจาการใส่บาตรนำมาใส่ในเรือ
รวมถึง ข้าวของสิ่งต่างๆ พอเสร็จพิธีทางสงฆ์ก็จะช่วยกันแห่เรือนำลงทะเลไปลอยที่ทะเล
เป็นลักษณะของการปล่อยทุกข์ปล่อยโศก และปล่อยอาหารเหล่านี้เป็นทานแก่สัมพเวสีต่างๆ
บางแห่งก็มีการก่อเจดีย์ทราย จุดธูปจุดเทียนบูชาที่เป็นที่สวยงาม
ถือว่าเป็นธรรมเนียมปฎิบัติที่ลูกหลานควรจะสืบทอดต่อไป
ประเพณีทำบุญกลางทุ่งนั้น ไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นแต่ครั้งไหน
แต่ผู้เขียนขอกล่าวอ้างเรื่องๆ หนึ่งหลัง ครั้งพุทธกาล คือ เรื่องพระมาลัย
มีอยู่ในพระมาลัยเถรสูตร ได้มีการกล่าวถึงการทำบุญกลางหมู่บ้านเอาไว้อย่างนี้ว่า
เมื่อครั้งหลังพุทธกาลมีพระเถระรูปหนึ่ง ชื่อว่าพระมาลัย
มีอิทธิฤทธิ์บุญญาภินิหารมาก ออกเดินทางโปรดเวไนยสัตว์ต่างๆ ตามแว่นแคว้นหมู่บ้านทั่วไปแต่ละหมู่บ้านที่เดินทางไปโปรดก็จะมีประชาชนทั้งชายหญิงมาคอยต้อนรับเป็นจำนวนมาก
และจะมีโอกาสฟังธรรมจากพระเถระซึ่งพระมาลัยก็ได้แสดงธรรมถึงบุญทานกุศลแบะการเกิดแก่เจ็บตายในที่สุด
หลังจากแสดงธรรมจบ ก็มีพุทธบริษัทที่สงสัยในธรรม ถามข้อธรรมว่า ตายแล้วไปไหน
ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วอยู่ดี หรือไม่อย่างไร แล้วถ้าตกอยู่ในทุกข์ทำอย่างไรจึงจะให้พ้นทุกข์ได้
ไปแสดงธรรมกี่แห่งๆ พระมาลัยก็ได้ยินคำถามนี้ จึงบอกว่า เราจะไปหาพญายมราชเพื่อสอบถามกิจทั้งปวงที่ท่านทั้งหลายได้สงสัย
จึงได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ลงสู่นรกภูมิ
พญายมราชเห็นพระมาลัยมาหา ก็ได้กราบนมัสการยังที่อันควร จึงได้ถามว่าพระมาลัยมีธุระอะไร
หรือไม่ พระมาลัยก็ได้พูดถึงยังมนุษย์โลกว่ายังมีความเคลือบแคบงสงสัยว่า
ตายแล้วไปไหน อยู่ดีปรือไม่ ตกทุกข์แล้วจะช่วยอย่างไร ดังนั้นแล้วพญายมราชก็ได้พาพระมาลัยไปเยี่ยมชมนรกภูมิทั้ง
๑๕ ขุมเห็นถึงความทุกข์ทรมานของสัตว์นรกขุมต่างๆ ที่ร้องครวญครางอย่างน่าสงสาร
พระมาลัยได้ถามพญายมราชว่า ทำอย่างไรถึงจะช่วยสัตว์เหล่านี้ให้พ้นทุกข์ได้
พญายมราชตอบว่า มีอยู่ประการหนึ่งที่จะช่วยผ่อนหนัก ให้เป็นเลาได้
คือ การทำบุญ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลมาให้ แต่การทำบุญในครั้งนี้
จักต้องเป็นการทำบุญกลางหมู่บ้าน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง เป็นการรวมพลังเพื่อให้เกิดเป็นบุญเป็นกุศล
อันยิ่งใหญ่และตั้งใจอุทิศ มาให้ยังสัตว์นรก ก็จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
พระมาลัยทราบดังนั้นก็ได้ลาพญายมราชกลับมายังโลกมนุษย์ และบอกข่าวคราวต่างๆให้กับพุทธบริษัทเพื่อทราบ
และกลับไปดำเนินการทำบุญตามหมู่บ้านต่างๆ
นี่เป็นส่วนหนึ่งจากข้อความในพระมาลัยเถระสูตร ที่เกี่ยวเนื่องกับการทำบุญ
โดย นายจีรประทีป ทองเปรม
ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอแหลมสิงห
์
|